การเข้าตรวจสอบบริษัทคริปโตหลายแห่งที่มีพฤติกรรมเลวร้ายที่สุดของหน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกาในช่วงที่ผ่านมากลับส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมนี้ โดยผู้เล่นในตลาดบอกว่า มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะลงทุนเพิ่มในสกุลเงินดิจิตอล กระนั้น เมื่อถูกขอให้อธิบายเกี่ยวกับคริปโต สองคำตอบที่ได้รับมากที่สุดคือคำที่ต่างกันสุดขั้วคือ “แชร์ลูกโซ่” และ “อนาคต”
ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 60% ในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของ MLIV Pulse มองการดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทคริปโตหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมาว่า เป็นสัญญาณที่ดีต่อสินทรัพย์ดิจิตอลที่มีความผันผวนลดลงในช่วงหลายเดือนมานี้
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นรวมถึงการที่ทางการสหรัฐฯ เข้าสอบสวนบริษัทคริปโตที่ล้มละลายอย่างทรี แอร์โรว์ส แคปิตอล และเซลเซียส เน็ตเวิร์ก และการที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เข้าตรวจสอบยูกา แลบส์ ผู้สร้าง Bored Ape คอลเล็กชัน NFT ชื่อดัง
คริส แกฟฟ์นีย์ ประธาน TIAA Bank บริษัทบริการทางการเงินของอเมริกา บอกว่า นักลงทุนมืออาชีพต้องการโอกาสในการลงทุนเว็บหวยออนไลน์ เชื่อถือได้ที่มีกฎระเบียบควบคุม ดังนั้น การตรวจสอบบริษัทคริปโตหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมาจึงช่วยดึงดูดนักลงทุนมืออาชีพเข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น
กระแสนี้ยังส่งถึงบิตคอยน์ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองคริปโตมูลค่าสูงสุดในโลกสกุลนี้ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการสำรวจความคิดเห็นในเดือนกรกฎาคม และกว่าครึ่งคาดว่า บิตคอยน์หรือ BTC จะเทรดที่ระหว่าง 17,600-25,000 ดอลลาร์จนถึงสิ้นปี ซึ่งถือว่า ดีกว่าผลสำรวจในช่วงฤดูร้อนที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดว่า BTC มีแนวโน้มหล่นลงไปอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ มากกว่าทะยานแตะ 30,000 ดอลลาร์
แมรี่-แคเทอรีน เลเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ยูนิสวอป แลบส์ ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก ทีวีว่า นักลงทุนของบริษัทและตลาดต่างตระหนักว่า โปรโตคอลแบบกระจายศูนย์มีข้อดีที่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อตลาดคริปโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดการเงินดั้งเดิมอื่นๆ ด้วย
แม้ราคาบิตคอยน์ลดลงราว 60% ในปีนี้ แต่ติดอยู่ระหว่าง 18,171-25,203 ดอลลาร์นับตั้งแต่การสำรวจความคิดเห็นรอบที่แล้ว และไม่สามารถหลุดออกจากแถบราคานี้ได้
นอกจากนั้นความผันผวนยังลดลงอย่างมาก โดยดัชนี T3 Bitcoin Volatility ลดลง 33% นับจากบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนปีที่แล้ว
นับจากเดือนมีนาคมบิตคอยน์มีค่าสหสัมพันธ์สูงมากกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างดัชนี S&P 500 และแทบไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 3 เดือนล่าสุด เนื่องจากนักลงทุนจัดให้คริปโตอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับทุกสิ่งในสภาพแวดล้อมดอกเบี้ยขาขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 42% คิดว่า คริปโตจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อไปอีก 12 เดือน และมีเพียง 43% ที่บอกว่า จะซื้อสินทรัพย์ดิจิตอลเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว
แวดวงคริปโตปีนี้ดูเหมือนแบ่งครึ่งกันชัดเจน โดยในช่วง 6 เดือนแรกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เช่น โวยาเจอร์ ดิจิตอลยื่นล้มละลาย เงิน 40,000 ล้านดอลลาร์หายไปจากระบบนิเวศบล็อกเชน เทอร์รา และมูลค่ารวมของอุตสาหกรรมคริปโตลดลงราว 2 ล้านล้านดอลลาร์จากเมื่อปลายปีที่แล้ว
เดือนมิถุนายนสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงโดยราคาคริปโตเริ่มนิ่งขึ้นและไต่ถึงกรอบราคาปัจจุบัน ขณะที่สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคแย่ลงและเทรดเดอร์หันไปหาสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างพันธบัตรและตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อทำกำไรกันมากขึ้น
ต่อมาในเดือนกันยายน เครือข่ายอีเธอเรียมเสร็จสิ้นการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า เดอะ เมิร์จ ซึ่งประเมินกันว่า จะลดการใช้พลังงานในบล็อกเชนได้ถึง 99% กระนั้น ยังมีนักลงทุนแค่ 1 ใน 3 ที่เชื่อว่า จะเกิดเหตุการณ์พลิกผันที่มูลค่าตลาดของอีเธอร์แซงหน้าบิตคอยน์ภายใน 2 ปีข้างหน้า
ผู้ตอบแบบสำรวจยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับคริปโต และเมื่อถูกขอให้เลือกอธิบายถึงคริปโตด้วยคำเพียงคำเดียว คำตอบยอดนิยมสูงสุด 2 คำตอบคือ “แชร์ลูกโซ่” และ “อนาคต”