หุ้นไทยปิด +5.44 หลังแนวโน้มเจรยายุติความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” มีความคืบหน้า ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา แนะจับตาประชุม กนง.ในวันพรุ่งนี้ ประเมินภาพดัชนีอาจแกว่งตัวไซด์เวย์ต่อเนื่องอีก คาดแนวต้านที่ 1,695-1,700 จุด และแนวรับที่ 1,680-1,670 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 29 มีนาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.44 จุด หรือ +0.32% โดยปิดตลาดที่ 1,689.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 76,796.23 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ในแดนบวกตลอดวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,692.90 จุด และปรับตัวลดระดับต่ำสุดที่ 1,686.84 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 766 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 641 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 915 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 3,653.15 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 108.28 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,874.95 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -886.48 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,835.85 ล้านบาท ปิดที่ 97.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,568.00 ล้านบาท ปิดที่ 66.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,309.59 ล้านบาท ปิดที่ 74.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,053.42 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
5.JMART มูลค่าการซื้อขาย 1,884.26 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.JMT ปิดที่ 74.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 7.19%
2.ADVANC ปิดที่ 237.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 2.16%
3.CPN ปิดที่ 57.00บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.17%
4.JMART ปิดที่ 58.00บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.57%
5.EA ปิดที่ 97.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.57%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 158.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.16%
2.EGCO ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.87%
3.CENTEL ปิดที่ 39.75 บาท หรือ 1.25 บาท หรือ 3.05%
4.COM7 ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 2.92%
5.SCC ปิดที่ 379.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.26%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,307.48 จุด เพิ่มขึ้น 9.52 จุด หรือ 0.41% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,016.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.37 จุด หรือ 0.43% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 642.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ 0.63%
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ตามความคาดหวังของตลาดโลก ที่มีความคาดหวังว่าการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัสเซียและยูเครนจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีข้อจำกัดของความเป็นไปได้สูง ซึ่งวันนี้มีแรงขายทำกำไรกดดันอยู่ ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นบวกกับหุ้นที่ใช้พลังงาน เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า SCGP ทั้งนี้ ภาพรวมวันนี้ยังไม่มีประเด็นใหม่ที่ชัดเจน
นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ในประเด็นการปรับประมาณการจีดีพี และเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลต่อภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทย หาก กนง.มีความเห็นแสดงความห่วงใยต่อภาวะเงินเฟ้อ หรือมีการปรับประมาณจีดีพีลงจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดฉุดรั้งดัชนีลงไปได้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้มองว่าน่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ และไม่น่าจะผ่านระดับ 1,695-1,700 จุด อย่างไรก็ตาม ต้องรอพัฒนาการเชิงบวกจากสงครามรัสเซียและยูเครน โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,695-1,700 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,680-1,670 จุด
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket